087 751 8786
majicthai@gmail.com

พัฒนาการลูกน้อย » G6PD ทำไมทารกถึงเป็นโรคนี้

G6PD ทำไมทารกถึงเป็นโรคนี้

Admin 2024-05-26 16:14:19

โรค G6PD เกิดจากความผิดปกติของเอนไซม์ G6PD ซึ่งเป็นผลมาจากการสืบต่อกันผ่านทางพันธุกรรม ดังนั้นทารกสามารถได้รับการสืบต่อโรค G6PD จากพ่อหรือแม่ที่เป็นโรคเช่นกัน การสืบต่อกันของโรค G6PD เกิดจากที่อยู่บนโครโมโซม X ซึ่งเป็นโครโมโซมที่มีอยู่สองชุดในหญิง และหนึ่งชุดในผู้ชาย ซึ่งเป็นเหตุผลที่การเป็น G6PD มักพบได้บ่อยกับเด็กชาย แม้ว่าทารกสามารถได้รับการสืบต่อโรค G6PD จากพ่อหรือแม่ที่เป็นโรคเช่นกัน แต่ทารกจะไม่แสดงอาการของโรค G6PD จนกว่าเอนไซม์ G6PD จะมีการผลิตในร่างกายเพียงพอ ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณ 3-6 เดือนหลังจากเกิด

ในระหว่างเวลาที่เอนไซม์ G6PD ยังไม่เพียงพอในร่างกายของทารก ทารกอาจจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ hemolysis จากสารเคมีหรือยาที่เป็นตัวกำเนิดอนุมูลอิสระ ดังนั้น การรักษาทารกที่เป็น G6PD มักเน้นที่การป้องกันภาวะ hemolysis ด้วยการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือยาที่เป็นตัวกำเนิดอนุมูลอิสระ และควรป้องกันการติดเชื้อที่อาจทำให้เกิด hemolytic crisis โดยการดูแลทารกที่เป็น G6PD มีหลายวิธีที่สามารถทำได้ เช่น การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือยาที่มีสารเคมีที่เป็นตัวกำเนิดอนุมูลอิสระ โดยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับยาที่เหมาะสมสำหรับทารกที่เป็น G6PD

นอกจากนี้ การดูแลทารกที่เป็น G6PD ยังรวมถึงการเลือกอาหารที่เหมาะสมและการให้น้ำเพียงพอ โดยควรให้ทารกดื่มนมแม่หรือนมผสมสำหรับทารก และอย่าให้น้ำอื่นๆ หรืออาหารเสริมก่อนทารกได้รับอาหารเสริม และควรระมัดระวังในการใช้สารเคมีในบ้าน เช่น ผงซักฟอก และสารทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งอาจเป็นตัวกำเนิดอนุมูลอิสระ และอาจทำให้เกิดภาวะ hemolysis ในทารกที่มีโรค G6PD

อย่างไรก็ตาม โรค G6PD เป็นโรคที่สามารถจัดการได้ด้วยการป้องกันภาวะ hemolysis และการดูแลอย่างรอบคอบ หากมีอาการหรือภาวะที่ไม่ปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อการรักษาและคำแนะนำที่เหมาะสมต่อการดูแลสุขภาพของทารก

Reference

  1. “Glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency” by Cappellini MD and Fiorelli G. – Published in The Lancet, 2008. URL: https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0140673608603327
  2. “Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase Deficiency and the Need for a Novel Treatment to Prevent Kernicterus” by Watchko JF – Published in Journal of Perinatology, 2005. URL: https://www.nature.com/articles/7211283
  3. “The Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase Deficiency Atlas: A Genetic Atlas of Enzyme Deficiency Across the World” by Howes RE, Piel FB, Patil AP, Nyangiri OA, Gething PW, Dewi M et al. – Published in Nature Genetics, 2010. URL: https://www.nature.com/articles/ng.572
  4. “Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase Deficiency: Genetic, Biochemical, and Clinical Features of an Old Enzymopathy” by Luzzatto L and Arese P. – Published in The Lancet, 2018. URL: https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0140673618321353
  5. “Glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency and the risk of malaria: a meta-analysis and systematic review” by Bancone G, Chu CS, Chowwiwat N, Somsakchaicharoen R, Wilairatana P, Charunwatthana P et al. – Published in The Lancet Infectious Diseases, 2014. URL: https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1473309913702842
  6. https://jessiemum.com/4144/babygrowth/